การเลือกขนาดของแอร์
การเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องที่จะติดตั้ง ก่อนอื่นเราควรรู้ขนาดของห้องที่จะทำการติดตั้ง เพื่อที่จะกำหนดขนาด BTU ของแอร์ที่ให้ความเย็นที่เหมาะสมกับห้อง เพราะว่าถ้าขนาดของแอร์เล็ก หรือ ใหญ่ เกินไปจะทำให้การควบคุมความชื้นไม่ดี และเกิดการสิ้นเปลื้องค่าใช้จ่าย(ค่าไฟฟ้า ค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา)
คำว่า BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit ซึ่งเป็นหน่วยของความร้อน
แอร์ขนาด 1 ตันความเย็น เท่ากับ 12,000 BTU/hr
ดังนั้นเราควรเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะทำการติดตั้ง และเพื่อความประหยัดค่าไฟฟ้าควรเลือกแอร์ที่มีเบอร์ 5
ตารางการเลือกขนาดแอร์
ขนาดแอร์ Btu/hr | ห้องปกติ (ตร.ม.) | ห้องโดนแดด(ตร.ม.) |
9,000 | 12-15 | 11-14 |
12,000 | 16-20 | 14-18 |
18,000 | 24-30 | 21-27 |
21,000 | 28-35 | 25-32 |
24,000 | 32-40 | 28-36 |
25,000 | 35-44 | 30-39 |
30,000 | 40-50 | 35-45 |
35,000 | 48-60 | 42-54 |
48,000 | 64-80 | 56-72 |
80,000 | 80-100 | 70-90 |
* ฝ้าเพดานห้องสูงไม่เกิน 2.5 เมตร
ถ้าห้องที่ต้องการติดตั้งมีฝ้าเพดานสูงกว่า หรือ มีคนทำงานหลายคน(เข้า/ออก)จะต้องเผื่อขนาดแอร์เพิ่มขึ้น
แอร์ระบบ INVERTER
ระบบอินเวอร์เตอร์คือระบบควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่จะแปลงไฟกระแสสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟทั่วไปที่มีแรงดันและความถี่คงที่ให้เป็นไฟกระแสตรง (DC) โดยวงจรคอนเวอร์เตอร์ (Converter Circuit ) จากนั้นไฟกระแสตรงจะถูกแปลงเป็นไฟกระแสสลับที่สามารถปรับขนาดแรงดันและความถี่ได้โดยวงจรอินเวอร์เตอร์ (Inverter Circuit)
การทำงานของเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์จะแตกต่างจากเครื่องปรับอากาศทั่วไป ตรงที่อินเวอเตอร์เมื่อเริ่มเปิดเครื่อง อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลงถึงระดับที่ตั้งไว้ หลังจากนั้น คอมเพรสเซอร์จะปรับรอบการทำงานลงเพื่อคงอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ตลอดเวลา
ในขณะที่เครื่องปรับอากาศที่ไม่ใช่อินเวอร์เตอร์ เมื่อเริ่มเปิดเครื่อง อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลงต่ำกว่าระดับที่ตั้งไว้ประมาณ1-2 องศา หลังจากนั้น คอมเพรสเซอร์จะตัดการทำงาน จากนั้นอุณหภูมิจะค่อยๆสูงขึ้น เกินระดับที่ตั้งไว้ 1-2 องศา คอมเพรสเซอร์ก็จะเริ่มทำงานอีกครั้ง ทำให้อุณหภูมิภายในห้องจะเย็นเกินไป สลับกับร้อนเกินไปอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลานอนหลับ จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หลับๆ ตื่นๆได้ ดังนั้นเราควรพิจารณาว่าต้องการติดแอร์ตำแหน่งใดของบ้านหรือสำนักงาน และต้องการประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้า หรือ ต้องการความเย็น...
สารทำความเย็น R32
สารทำความเย็น คืออะไร
“สารทำความเย็น” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “น้ำยาแอร์” คือสารเคมีที่มีคุณสมบัติไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น จุดเดือดต่ำกว่าสารทั่วไป เมื่อผ่านกระบวนการอัดสารทำความเย็นให้เป็นไอ ไหลเวียนภายในระบบเครื่องปรับอากาศและสร้างความเย็นสบายให้แก่เรา ปัจจุบันสารทำความเย็นที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศสำหรับที่อยู่อาศัย มีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ R22, R410A และ R32 ซึ่งสารทำความเย็น R32 นี้ กำลังได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าสารทำความเย็นตัวอื่น
แล้วทำไมต้อง R32
ตามข้อตกลงในพิธีสารมอนทรีออลเมื่อปี 1987 ที่ให้ความสำคัญกับการลดการทำลายชั้นโอโซน ทั่วโลกจึงเปลี่ยนจากการใช้สารทำความเย็น R22 มาเป็น R410A ซึ่งแม้ว่าจะลดผลกระทบในการทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนได้อย่างดี แต่ก็ยังก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนสูง จึงมีกระแสการเปลี่ยนแปลงสารทำความเย็นที่ให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
หมายเหตุ
ODP (Ozone Depletion Potential) คือ ดัชนีชี้วัดการทำลายชั้นโอโซน
GWP (Global Warming Potential) คือ ค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
Cooling Capacity คือ ประสิทธิภาพการทำความเย็น